HAPPY WAREHOUSE

โกดังสำเร็จรูป


 

“ทำไมต้อง HAPPY  WAREHOUSE?"

1.ติดตั้งรวดเร็ว

2.ควบคุมงบประมานได้

3.ได้คุณภาพและมาตรฐานตามหลักวิศวกรรม     

4.นวัตกรรมใหม่เคลื่อนย้ายและติดตั้งซ้ำได้

5.ปรับปรุงให้เหมาะกับงานก่อสร้างทั่วไปได้         

6.ใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่มีวัสุดเหลือทิ้ง

 

Happy Perfabricated Building Types

 

1.HW-C Happy Warehouse แบบ Cold Form เหล็กกาวาไนช์ (SS400) หรือเหล็กรีดเย็น เหมาะสำหรับอาคารที่มีความสูงตั้งแต่ 4 เมตร ถึง 6 เมตร ระยะห่างของช่วงเสาอยู่ที่ 2 เมตร ความกว้างของอาคารไม่เกิน 15 เมตร เสาเหล็กกล่องขนาด 2 นิ้ว x 4 นิ้ว (กาวาไนช์) ไม่สามารถติดตั้งชั้นลอยหรือเครนได้ เหมาะกับโกดังขนาดเล็ก และขนาดกลาง

2.HW-H Happy Warehouse เสา Hot Rolled ไวด์แฟรงค์หรือเหล็กรีดร้อน (SS400 และ SM520) เหมาะสำหรับอาคารที่มีความสูงตั้งแต่ 4 เมตร ถึง 15 เมตร ความกว้างของอาคารไม่เกิน 35 เมตร ระยะห่างของช่วงเสาอยู่ที่ 4 เมตร ถึง 8 เมตร HW-H คือรูปแบบอาคารที่ประหยัดค่าใช้จ่าย อีกทั้งยังสามารถทำชั้นสองและติดตั้งเครนอีกด้วย เหมาะกับโกดังขนาดกลางและขนาดใหญ่

3.HW-HC Happy Warehouse เสาแบบ Hot Rolled โครงหลังแบบ Cold Form Truss เหล็กกาวาไนช์ SS400 หรือเหล็กรีดเย็นเหมาะสำหรับอาคารที่มีความสูงตั้งแต่ 4 เมตร ถึง 15 เมตร ความกว้างของอาคารไม่เกิน 40 เมตร ระยะห่างของช่วงเสาอยู่ที่ 4 เมตร ถึง 10 เมตร ทางเราได้เพิ่มความแข็งแรงของโครงสร้าง โดยผสมผสานการใช้โครงหลังคาแบบ Cold Form Truss เป็นรูปแบบอาคารที่ต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย และการใช้งานมีความคล้ายคลึงกับ HW-H อีกทั้งยังสามารถทำชั้นสองและติดตั้งเครนได้อีกด้วย เหมาะกับโกดังขนาดกลาง และขนาดใหญ่

4.HW-HCC Happy Warehouse แบบ Hot Rolled โครงหลังคาแบบ Cold Form Curve รูปแบบโครงหลังคาทรงโค้ง เหมาะสำหรับอาคารขนาดใหญ่ที่ความกว้างตัวอาคาร 45 เมตร ระยะห่างของช่วงเสาอยู่ที่ 4 เมตร ถึง 10 เมตร ความสูงของอาคารไม่เกิน 15 เมตร สามารถสร้างสำนักงาน 2 ชั้น และติดตั้งเครนได้ เป็นรูปแบบของโกดังขนาดกลางถึงขนาดใหญ่

5.HW-HB Happy Warehouse แบบ Hot Rolled Built up Beam โครงสร้างหลังคา Hot Rolled Built up Beam (SS400, SM490YA ความหนาอยู่ที่ 4 มิลลิเมตร - 12 มิลลิเมตร) เป็นลักษณะโครงสร้างที่ใช้เหล็กแผ่นมาเชื่อมเพื่อให้ได้ขนาดและโครงสร้างหลังคาที่ต้องการ เหมาะกับอาคารที่มีความสูงตั้งแต่ 4 เมตร ถึง 15 เมตร ความกว้างของอาคารได้สูงสุดถึง 50 เมตร สามารถติดตั้งเครนและทำชั้นลอยได้ ลักษณะเด่นของ HW-HB คือสามารถรับน้ำหนักของโกดังได้โดยไม่มีเสากลาง คุณสมบัติมีความคล้ายคลึงกับรูปแบบ HW-H ความสูงได้สูงสุด 15 เมตร และความยาวเท่าไหร่ก็ได้

 

มาตราฐานเหล็กของ Happy Prefabricated Warehouse 

1.มาตรฐานเหล็กระบบอเมริกัน American Society of Mechanical Engineers ASME

AMSE คือ American Society of Mechanical Engineers (ASME) Boiler and Pressure Code, Section V, An International Code, Non Destructive Examination, July 1,2004 Edition, Printed in the United States of America. ซึ่งกำหนดข้อบังคับสำหรับการออกแบบ วัสดุ การประดิษฐ์ การตรวจสอบ การทดสอบ และการทำงาน ASTM รับผิดชอบในการพัฒนาและกำหนดมาตรฐานใหม่สำหรับวัสดุใหม่และวัสดุที่ใช้แล้วทุกประเภท เนื่องจากเป็นสมาคมทดสอบและวัสดุ ASME คัดเลือกและกรองมาตรฐานเหล่านี้เพื่อใช้ในงานที่เกี่ยวข้อง และแก้ไขเพื่อการปรับปรุง กฎหมายกำหนดมาตรฐาน ASME เมื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน รหัสและมาตรฐาน ASME ได้รับการพัฒนาเพื่อเพิ่มความปลอดภัยสาธารณะและประสิทธิผลของวิศวกร มาตรฐาน ASME เป็นแนวทางทางเทคนิคสำหรับนักออกแบบ ผู้ผลิต และผู้ใช้เกี่ยวกับการใช้งานผลิตภัณฑ์ รหัส ASME กำหนดแนวทางสำหรับวิศวกรเครื่องกลให้ปฏิบัติตามระบบทั่วไปของการผลิต ไม่เพียงแต่ในสหรัฐฯ แต่ยังรวมถึงในประเทศที่ใช้มาตรฐาน ASME ด้วย มาตรฐาน ASME มีประสิทธิภาพเพราะเป็นที่ยอมรับในระดับสากล การใช้งานทำให้การสื่อสารระหว่างผู้ผลิตและผู้ใช้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

 

2.มาตรฐานเหล็กระบบญีปุ่น JIS (Japanese Industrial Standards)

JIS ย่อมาจาก Japanese Industrial Standard คือ มาตรฐานอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นที่จัดทำขึ้นมาเพื่อควบคุมคุณภาพ และมาตรฐานการผลิตภายในประเทศ ไม่ว่าจะเป็นส่วนประกอบของวัตถุดิบ คุณสมบัติต่างๆ ของวัสดุ รวมไปถึงกระบวนการผลิต โดยหน่วยวัดที่ใช้สำหรับมาตรฐาน JIS ก็คือมาตราเมตริกซ์ (Metric System) โดยในเครื่องจักร 1 เครื่อง ก็มักจะประกอบด้วย JIS หลายรหัส เช่น ชิ้นส่วนทางกลก็ควบคุมมาตรฐานด้วย JIS B และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิคส์ก็ควบคุมมาตรฐานด้วย JIS C เป็นต้น

 

โดยเหล็กสามารถจำแนกได้หลากหลายรูปแบบ ดังนี้

  •     ส่วนประกอบ เช่น คาร์บอน, อัลลอยด์ต่ำ หรือเหล็กกล้าไร้สนิม

  •     วิธีการผลิต เช่น โอเพนฮาร์ท, เบสิกออกซิเจน หรือวิธีอิเล็คตริกเฟอแนนซ์

  •     วิธีการรีดละเอียด เช่น รีดร้อน, รีดเย็น, การตกแต่งผิว และเทคนิคการชุบ

  •     รูปแบบผลิตภัณฑ์ เช่น สลัก, แผ่น, แผ่นบาง, ท่อ หรือรูปแบบโครงสร้าง

  •     การทำดีฮ๊อกซิเดชัน เช่น คึล, เซมิคีล

  •     โรงสร้างจุลภาค เช่น เฟอริติก, เพิร์ลไลท์ และมาร์เตนซิติก

  •     การอบร้อน เช่น การหล่อ, การชุบแข็ง และการคืนตัว 

สำหรับมาตรฐานเหล็กอุตสาหกรรมที่เป็นที่นิยมใช้กันเป็นมาตรฐานสากลมีอยู่หลากหลายมาตรฐาน สามารถแยกได้ดังนี้ ระบบอเมริกา ระบบเยอรมัน ระบบญี่ปุ่น และระบบของสมอ. หรือ มอก. นอกจากนี้ยังมีระบบยุโรปที่ใช้เป็นมาตรฐานสากลอีกระบบหนึ่งด้วย ซึ่งการกำหนดมาตรฐานจะขึ้นอยู่กับแต่ละประเทศที่เป็นผู้กำหนด

 

คำถามที่พบบ่อย

1.โกดัง โรงงานสำเร็จรูปคืออะไร?

- โกดัง โรงงานสำเร็จรูป คือ การก่อสร้างโกดังด้วยการผลิตชิ้นส่วนต่างๆมากกว่า 90% ที่โรงงานควบคู่ไปกับการทำพื้นและฐานรากที่หน้าไซต์งานเมื่อครบและชั้นล่างเสร็จชิ้นส่วนของอาคารทั้งหมดจะนำเข้าไปประกอบที่หน้างานภายในระยะเวลาอันสั้น ชิ้นส่วนจะเป็นชิ้นส่วนสำเร็จรูปเมื่อนำมาประกอบกันด้วยน็อตจะมีการเชื่อมหรือปรับแต่งให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

2.ราคาโกดัง โรงงานสำเร็จรูป ถ้าเทียบกับการก่อสร้างปกติแตกต่างกันไหม?

- โกดัง โรงงานสำเร็จรูป หากเป็นในรูปแบบมาตรฐานและออกแบบเป็นไปตามหลักวิศวกรรมไม่รวมถึงงานตกแต่งหน้าตาเพื่อความสวยงามราคาโกดังและโรงงานสำเร็จรูปจะประหยัดกว่า เนื่องจากการซื้อสินค้าครั้งละมากๆ และกระบวนการการทำงานแบบซ้ำๆ ทำให้เกิดประสิทธิภาพและควบคุมคุณภาพ ได้มากกว่ารวมถึงใช้วัสดุได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้มีชิ้นส่วนที่ไม่ได้ใช้หรือใช้เสร็จแล้วแต่เป็นเศษให้เหลือน้อยมากที่สุด และในการส่งสินค้าเข้าหน้างานเป็นการส่งเข้าในครั้งเดียวแตกต่างกับการก่อสร้างปกติทั่วไปที่ต้องส่งสินค้าจากหลายแหล่งเข้ามาในไซต์งานเดียวทำให้ค่าขนส่งของสินค้าแต่ละชนิดเมื่อรวมกันหลายๆ ชนิดทำให้ต้นทุนค่าก่อสร้างสูงขึ้น

3.รับทำงานคอนกรีตพื้นด้วยหรือไม่?

- ระบบอาคารสำเร็จรูปเป็นระบบการก่อสร้างที่โรงงานทำให้ ความประหยัด จะอยู่ในส่วนของอาคารที่ประกอบด้วยเสา ผนัง หลังคา ส่วนงานคอนกรีตนั้นสามารถทำได้แต่ราคาไม่ได้ประหยัดจะเป็นราคาตามท้องตลาดหรืออาจจะสูงกว่าหากการก่อสร้างดังกล่าวอยู่พื้นที่ห่างไกลจากบริษัทผู้ผลิต

 

สิ่งที่ลูกค้าจะได้รับ

1.อาคารสำเร็จรูปเป็นการก่อสร้างในโรงงานทำให้ควบคุมคุณภาพได้ดีกว่า และราคาประหยัดกว่า

2.การสั่งซื้ออาคารโกดังสำเร็จรูปจากผู้ผลิตที่มีประสบการ์ ความรู้ ความสามารถเฉพาะด้าน และผู้ผลิตได้ทำการเปิดโรงงาน นั่นหมายความการทุกคำสั่งซื้อของลูกค้า สามารถทำให้มั่นใจได้ว่าจะได้โกดังและโรงงานตามที่ต้องการ ทำให้ไม่ได้รับความเสี่ยงแตกต่างกับการจ้างผู้รับเหมาทั่วไปหรือการจ้างผู้ที่ไม่มีประสบการณ์มากเพียงพอ หรือไม่เฉพาะเจาะจงทำให้เกิดความเสี่ยงกับลูกค้า แต่สำหรับการซื้อกับโรงงานลูกค้าสามารถมั่นใจได้เพราะว่าจ่ายเงินกับโรงงานโดยตรงจะได้รับสินค้าแน่นอน เนื่องจากได้รับการรับรองอย่างถูกต้องตามกฎหมาย มีสถานที่ชัดเจน สามารถเข้าถึงได้จริง

3.อาคารสำเร็จรูปการผลิตจะทำพร้อมกับงานพื้นและฐานรากทำให้ลดระยะเวลาการก่อสร้างได้เร็ว ลดค่าดำเนินการ บริษัทใช้เวลาในการสร้างอาคารที่รวดเร็ว สินค้ายังได้รับคุณภาพที่ผลิตจากโรงงาน ตรงตามมาตราฐานของหลักวิศวกรรม